Red Honey Omkoi
Red Honey Omkoi
“รสชาติที่บ่งบอกถึงเรื่องราวของตัวกาแฟได้เป็นอย่างดี ผ่านการสัมผัสของการดื่ม”
Red Honey Omkoi
เป็นผลผลิตจากเกษตรกร ในโครงการ ''สร้างป่า สร้างรายได้''ของศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยฯ มีรสชาติที่โดดเด่นของการแปรรูปแบบ Red Honey Process เป็นความหวานนวลที่ผสมผสานกับความเปรี้ยวฉ่ำอย่างลงตัว
กาแฟ Red Honey Omkoi ของเราจึงมีรสชาติที่หวานโดดเด่นของน้ำตาลทรายแดง น้ำผึ้งและคาราเมล มีความเปรี้ยวฉ่ำของส้มและเลม่อน กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ขาว คงค้างไว้ด้วยความหวานละมุนอย่างอ้อยอิ่ง
Omkoi Paper Mountain Development Study Center
Altitude: 1,200 m.a.s.l
Process: Red Honey Process
Taste Note: Acacia, Lemon, Orange, Honey, Brown Sugar, Caramel
Story: Omkoi Paper Mountain Development Study Center
ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริการพัฒนาและยกระดับคุณภาพชีวิตของเด็กและราษฎรชาวไทยภูเขาในอำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นการส่งเสริมของศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ศูนย์กลางการเรียนรู้และร่วมกับเกษตรกรในพื้นที่อมก๋อยพัฒนาผลผลิต เพื่อส่งเสริมอาชีพและรายได้ รวมถึงการประชาสัมพันธ์จุดเด่นของกาแฟในแต่ละพื้นที่ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ภาพศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ที่มา: https://www.facebook.com/omkoicoffee.omkoi/
กาแฟ ธรรมชาติ ความยั่งยืน
กาแฟเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญที่สามารถสร้างร้ายได้ให้กับเกษตรกรบนพื้นที่สูง และยังเป็นพืชที่อาศัยการเติบโตภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่
การปลูกกาแฟจึงเป็นการสร้างป่าและช่วยดูแลรักษาธรรมชาติ สร้างความยั่งยืนให้กับสังคมและสิ่งแวดล้อม
ภาพการเก็บกาแฟของเกษตรกร
ที่มา: https://www.facebook.com/omkoicoffee.omkoi/
ภาพผลเชอรี่กาแฟหลังจากล้างทำความสะอาด
ที่มา: https://www.facebook.com/omkoicoffee.omkoi/
ภาพการคัดเมล็ดด้วยมือของศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยฯ
ที่มา: https://www.facebook.com/omkoicoffee.omkoi/
Story Coffee: Red Honey Omkoi
อมก๋อย
เป็นแหล่งเพาะปลูกที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีอากาศเย็นตลอดทั้งปี พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นผืนป่าสลับกับภูเขาที่มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล 1200 เมตร อีกทั้งยังได้รับการดูแลเอาใจใส่ของเกษตรกร ทำให้กาแฟมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
สมัยก่อนมีมิชั่นนารีออกประกาศศาสนาเดินทางเท้าลัดเลาะคามผ่านเขาสลับไปมา พับไปพับมา เหมือนกระดาษ จึงเรียกดอยนี้ว่า Paper mountain
Processing
Red Honey Process
เป็นการนำผลเชอรี่มาสีแยกเนื้อออกจากเมล็ด จากนั้นจะนำเมล็ดที่มี Mucilage หรือ เมือก ห่อหุ้มกะลากาแฟ (ลักษณะเหนียวและมีความหวาน) ไปตากแห้ง โดยการทำ Red Honey Process จะคัดแยกกะลาที่มี Mucilage ประมาน 75 % แล้วนำไปตากภายใต้ร่มเงาเพื่อเพิ่มความชื้นและชะลอการทำให้แห้ง ทำให้ได้ Flavor Profile เป็น Sweet and Syrupy
หลังจากผ่านการแปรรูป
ศูนย์การเรียนรู้การพัฒนาอมก๋อยฯ จะคัดแยกเมล็ดด้วยมือ เพื่อแบ่งเกรดตามขนาด ไม่มีตำหนิและตรวจสอบให้ได้สารกาแฟของเกษตรกรมีคุณภาพที่ดีเยี่ยม
Roast Value
อมก๋อย Red Honey Process เป็นกาแฟที่คั่วโดยเครื่องคั่วอัจฉริยะ Rubasse รูบาสส คือ แหล่งพลัง NIR (Near-Infrared) เทคโนโลยีการให้พลังงานความร้อน ที่นิยมในระบบอุตสาหกรรมอบแห้ง และทางการเเพทย์ ใช้พลังงานต่ำแต่ให้พลังความร้อน ที่คุ้มค่า สูญเสียพลังงานไปให้กับ สภาพแวดล้อมน้อยกว่า แหล่งกำเนิดความร้อนเเบบอื่น กาแฟสุกได้ดี โดยการแทรกซึมความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูงที่ดี จากการ Radiation และสามารถ ควบคุม Conduction Convection ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน
ระดับการคั่ว จะเป็นกาแฟคั่วอ่อน ที่มีค่าสีแอคตรอน 85 มีคาแร็คเตอร์ของกลิ่นหอมดอกไม้ มีความเป็นผลไม้เปรี้ยวฉ่ำ
Coffee Flavor: Colorful & Fruity
กาแฟ Chiang Mai Sakura เป็นกาแฟที่อยู่ในกลุ่มโทน Enzymatic
กลิ่นที่เกิดจากความเฉพาะตัวของสายพันธ์ุ แหล่งปลูก การแปรรูปกลุ่มโทน Citrus & Other Fruits, Tropical Fruit, Stone Fruit, Berry - like
Taste Note: Acacia, Lemon, Orange, Honey, Brown Sugar, Caramel
Classifying Log
Classifying Log เป็นการจดบันทึกที่จะใช้ในการแบ่งหมวดหมู่ของกาแฟพัฒนาขึ้นโดยสถาบันกาแฟยุคใหม่จากเกาหลี SCENTONE และ GCSGLOBAL COFFEE SCHOOL INTERNATIONAL CLASS FROM USA เพื่อใช้ในการอธิบายและประเมินกาแฟตามโทนใน Flavor Map สามารถใช้งานได้สะดวกและฝึกการสื่อสารได้ชัดเจน
ส่วนที่ 1 : Coffee Info รายละเอียดของข้อมูลกาแฟ
Country = ประเทศ
Region = ภูมิภาค
Farm = ไร่กาแฟ
Variety = สายพันธ์ุ
Process = การแปรรูป
Harvest Date = ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
Moisture = ค่าความชื้นใน
Green Bean, Density = ค่าความหนาแน่นใน Green Bean
Roasting Date = วันคั่วกาแฟ
Roasting Info = ระดับการคั่วและค่าสีกาแฟ
ส่วนที่ 2 : Brewing Method รายละเอียดของการบรูว์กาแฟ
Method = วิธีการสกัด
Tool = เครื่องมือที่ใช้ (Machine/Dripper)
Coffee Dose = ปริมาณกาแฟ Grind Size = ขนาดเบอร์บด
Water(Extract) = ปริมาณน้ำการสกัด (g) ค่า TDS น้ำ (ppm)
Time = เวลาการสกัด
Extract = น้ำที่ผ่านการสกัด (g) ค่า TDS กาแฟ %(TDS)
Water (Dilution) = ปริมาณน้ำที่เจือจาง
Solid = สารละลายของกาแฟที่สกัดออกมา(g)
Yield = อัตราการสกัด (%)
ส่วนที่ 3 : Sensory Log รายละเอียดการชิม
Aroma Intensity = กลิ่น
Body = น้ำหนัก
Acid = ความเป็นกรด
Bitter = ความขม
Very weak = อ่อน/บางมาก
Slightly weak = ค่อนข้างอ่อน/บาง
Average = ค่ากลาง
Slightly strong = ค่อนข้างเข้มข้น
Very strong = เข้มข้น
ORTHO = การดมกลิ่นทางจมูกส่วนหน้า
RETRO = การประเมินกลิ่นหลังจากที่ดื่มหรือกลืนลงไป
W = weak (อ่อน)
S = strong (เข้มข้น)
Flavor Map = กลุ่มกลิ่นรส Flavor ของกาแฟยุคใหม่
ช่องรวมคะแนน ORTHO = คะแนน ÷ 2
ช่องรวมคะแนน RETRO
ช่องรวมคะแนน Total = (ORTHO ÷ 2) + RETRO
ช่องประเมินคะแนนกาแฟตามกลุ่ม F,C,B,S
Brewing GUIDE
Brew (Sounds like Broo)
คือนิยามที่ใช้อธิบายกระบวนการทำกาแฟทั้งหมด (ชงกาแฟ ดริป ฯลฯ)
Extraction
Extraction การสกัด หมายถึง กระบวนการแยก (separation) โดยใช้ของเหลวอีกชนิดหนึ่งเป็นตัวทำละลาย สารที่ต้องการแยกโดยให้ละลายออกมาในตัวทำละลาย
Strength หรือ Body คือความเข้มข้นที่เกิดขึ้นในกาแฟ (1.15-1.45%)
***การสกัดที่ยอดเยี่ยมคือ Balance เป็นความสมดุลระหว่าง Extraction and Strength
More Extraction : Over Extraction
Over - Extraction > 22%
การสกัดที่ออกมามากเกินไป จะทำให้กาแฟมีสีเข้ม รสขม น้ำหนักมาก และอาจมีรสชาติเหมือนยา
(สำหรับกาแฟคุณภาพสูง อาจจะสามารถ สกัดได้ มากกว่า 22%)
Less Extraction : Under Extraction
Under - Extraction < 18%
การสกัดน้อยเกินไป จะทำให้กาแฟมีสีใส รสอ่อน ฝาด เปรี้ยวแหลม น้ำหนักบาง และอาจมีกลิ่นเขียวคล้ายน้ำผัก
...
1.Ratio
Ratio คือ อัตราส่วน หรือปริมาณของ กาแฟ ต่อ น้ำ
(Ratio ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เครื่องชง วิธีการ และเทคนิคที่ใช้ในการบรูว์)
Ex. Ratio 1 : 15 (กาแฟ 1 กรัม น้ำ 15 กรัม)
บรูว์โดยใช้กาแฟ 16 กรัม น้ำ 240 กรัม (16*15 = 240)
More Ratio : More Weak
Less Ratio : More Strong
2.Grind Size
เป็นส่วนสำคัญของการบรูว์ และขนาดของกาแฟบดจะส่งผลต่อการสกัด
ผงกาแฟหยาบ
มีขนาดใหญ่ + มีช่องว่างระหว่างผงกาแฟกว้าง = ทำให้น้ำไหลผ่านเร็ว ใช้เวลาสกัดเร็ว ส่งผลให้เกิดการสกัดน้อย
(เหมาะสำหรับเครื่องชงแบบแช่ หรือกาแฟคั่วกลาง/เข้ม)
**หมายเหตุถ้ากาแฟคั่วอ่อนนำมาแช่ ใช้เรื่องของอุณหภูมิ + ระยะเวลาเพิ่ม
ผงกาแฟละเอียด
มีขนาดเล็ก + มีช่องว่างระหว่างผงกาแฟน้อย = ทำให้น้ำไหลผ่านช้า น้ำเข้าไปสกัดได้ทั่วทุกมุม ใช้เวลาสกัดช้า ส่งผลให้เกิดการสกัดมาก
(เหมาะสำหรับเครื่องชงแบบเอสเพรสโซ่ หรือกาแฟคั่วอ่อน)
**หมายเหตุขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ที่นำไปใช้
Fine Grinding : More Body
Coarse Grinding : More Bright
3.Time
คือระยะเวลาที่น้ำสัมผัสกับกาแฟ (ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์เครื่องชง Grind Size, Temperature, Turbulence)
ระยะเวลาเร็ว = จะทำให้เกิดการสกัดเร็ว
ระยะเวลาช้า = จะทำให้เกิดการสกัดช้า
More time : More Body
Less time : Less Bitter
******* บดหยาบ + ระยะเวลาช้า = เพิ่มการสกัด (More Body)
บดละเอียด + ระยะเวลาเร็ว = ลดการสกัด (Less Bitter)
4.Temperature
อุณหภูมิน้ำ เป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องเลือกใช้ให้เหมาะสม
คล้ายๆ กับการใช้ไฟทำอาหาร ไฟอ่อน = ไม่สุก , ไฟแรง = ไหม้
**แต่ไม่เหมือนซะทีเดียว น้ำเดือด 100 ไม่ได้ทำให้กาแฟไหม้ ทำให้สกัดสาร Caffeine ออกมาได้มาก กาแฟอาจจะมี รสขมกว่า การใช้น้ำที่อุณหภูมิ ต่ำกว่า
โดยปกติจะใช้อุณหภูมิน้ำประมาณ 91-96 องศาเซลเซียส
(ข้อมูล จากงานวิจัย ของ ICO ช่วง 94 องศา เป็น ช่วงที่ สกัดสารละลายออกมาได้มากที่สุด
(ขึ้นอยู่กับ การแปรรูป ระดับการคั่ว โปรไฟล์รสชาติ ความสดใหม่ และความต้องการการสกัด)
อุณหภูมิน้ำที่สูงเกินไป = สกัดมาก
(เหมาะกับกาแฟคั่วอ่อน หรือมีรสชาติอ่อน)
อุณหภูมิน้ำที่ต่ำเกินไป = สกัดน้อย
(เหมาะกับกาแฟคั่วเข้ม หรือมีรสชาติเข้ม)
Higher Temperature : More body
Lower Temperature : Less bitter
5.Turbulence
เป็นการหมุน หรือการคนผสม จะช่วยให้น้ำเข้าไปสกัดกาแฟได้ทั่วทุกมุม
Turbulence เปรียบเสมือนรสมือ ลักษณะการวน น้ำหนักมือ ระดับความสูง ขนาดสายน้ำ จังหวะและระยะเวลาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยิ่งวนมากก็จะยิ่งทำให้เพิ่มการสกัดมากขึ้น
More Turbulence : More Body
Less Turbulence : Less Bitter
6.Water TDS
น้ำเป็นส่วนประกอบในกาแฟ Espresso ประมาน 90% และในกาแฟ Filter มีประมาณ 98.5% น้ำทำหน้าที่เป็นสารละลายและสกัดรสชาติออกมาระหว่างการบรูว์
การวัดผลรวมของแร่ธาตุที่มีอยู่ในน้ำ TDS หรือ Total Dissolved Solid (หลักๆจะมี แคลเซียม และแมกนีเซียม) จะช่วยให้รู้ว่าน้ำที่ใช้มีแร่ธาตุอยู่มากหรือน้อย และนำไปวางแผนหรือปรับปัจจัยการชงอื่นๆ เพื่อช่วยป้องกันการสกัดไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป
TDS สูง = สกัดมาก (น้ำที่มีแร่ธาตุ หรือน้ำแร่)
น้ำที่ค่าแร่ธาตุสูง จะไปกัน Flavor กลุ่มโทน Enzymatic และอาจนำพารสชาติหรือสิ่งที่ไม่ดีในกาแฟออกมาด้วย (Over Extraction)
TDS ต่ำ = สกัดน้อย (น้ำที่ผ่านการกรอง)
น้ำที่ค่าแร่ธาตุต่ำ จะทำให้สกัดกาแฟออกมาได้น้อย รสชาติที่ได้จะมีความสว่าง เปรี้ยวแหลมหรือมีรสคล้ายน้ำต้มผัก (Under Extraction)
การผสมน้ำหรือปรับค่าน้ำให้ได้ TDS ที่ต้องการจะช่วยทำให้ควบคุมการสกัดได้ดี
More TDS = More Body
Less TDS = More Bright
****** TDS สูง + อุณหภูมิต่ำ + บดหยาบ = ลดการสกัด
TDS ต่ำ + อูณหภูมิสูง + บดละเอียด = เพิ่มการสกัด
การเข้าใจปัจจัยต่างๆ จะช่วยทำให้เรารู้ถึง เหตุและผล จากการบรูว์ในแต่ละครั้ง และสามารถนำไปปรับใช้ ทดลองหาเทคนิคที่เหมาะสม สนุกกับการบรูว์และการดื่มกาแฟในทุกๆวันนะคะ